Aoki Hagane no Arpeggio : Ars Nova
CG animation : 8.9/10
Character Design: 8.7/10
Story: 8/10
Soundtrack/Voice Actor: 9.5/10
Impression: 8.5/10
Emotion/Drama: 7.6/10
Type: TV Series
Studio: SANZIGEN
Thai LC: No
*2nd best NewType anime's award
อนิเมะเดบิ้วสตูดิโอ SANZIGEN อย่างเต็มตัว เนื่องจากปกติสตูดิโอนี้มักจะเป็นลูกมือสตูดิโอใหญ่ๆอย่างพวกโอเด็ท(แต่ก็ยังเล็กอยู่)มากกว่า แต่เรื่องนี้มาแบบแหวกๆคือเหมาทำเองหมดเลย ไม่มีสตูอื่นมาขึ้นชื่อร่วมทำด้วย นับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่จริงๆ แต่เนื่องจากเป็นสตูดิโอเล็กๆจึงมีต้นทุนค่อนข้างต่ำ และมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่างทำให้ต้องลดหย่อนไปบ้าง แต่กลับผิดคาด เพราะเรื่องนี้ จัดเต็ม Full 3D CG เลยทีเดียว หลายๆคนอาจไม่ชอบภาพอนิเมะแบบ 3D ล้วนทักเท่าไหร่ แต่อนิเมะแนวไซไฟร์ที่เป็นมูฟวี่ส่วนใหญ่ก็ทำเป็น 3D ส่ะเยอะ อย่างเช่น Rebuild of Evangelion จึงไม่แปลกใจที่พวกฉากเอฟเฟกยิงบีมอะไรต่างๆของเรื่องนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนดูเอวา การปั้นโมเดลจะช่วยลดต้นทุนในการวาดมือแบบ 2D อาจทำให้ภาพแข็งๆไปบ้าง (ในช่วงแรกภาพแข็งมากจริงๆ เหมือนยังไม่ลงตัว) แต่ให้ความรู้สึกอลังการงานสร้างกว่า และเมื่อทำออกมาดี มีบลูเรย์ขาย ก็จะพ่วงมาด้วยความหรูหรา ถูกใจมนุษย์อนิเมะที่ชอบเก็บของสวยๆงามๆและอลังการ สรุปก็คือลงทุนน้อย พึ่งฝือมือล้วน แต่ได้ผลลัพธ์อลังการ (ไม่รู้จะสรรหาคำไหนแล้วล่ะ) มันไม่บ่อยหรอกนะ ที่จะมีทีวีซีรี่ย์แบบ 3D ให้คุณๆได้จับหา จึงเป็นเหตุให้เรื่องนี้ขนของออกมาให้ได้จับจองจนน่าหมั่นไส้เลยทีเดียว (เพราะแอดมินงบไม่ถึง) คงเป็นการหารายได้มาสนับสนุนสตูเล็กๆล่ะกัน อุดหนุนกันไปเพื่องานล้ำๆ
เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องมีความหนักเบาแบบบาล้านซ์ บทไหนเครียดคือเครียดยาวยึดไปหมดทั้งตอน บทไหนน่ารัก เฮฮา ก็จะยึดยาวหมดทั้งตอน แต่ทุกจุดมีการเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว เป็นไซไฟร์ผสมเมช่าแบบเบาๆน่ารักๆ ดูได้ทุกเพศทุกวัย และได้เกร็ดความรู้ไปในตัว เนื่องจากเป็นอนิเมะที่มีจุดประสงค์ทำขึ้นมาเพื่อเคารพกองราชนาวีญี่ปุ่นอยู่เป็นต้นทุน จึงต้องเพิ่มความเวอร์เข้าไปหน่อย แอบคุยหน่อยว่าไม่เห็นฟริแกตสักลำ 555+ ถ้าอยากได้เนื้อหาเข้มข้นเลยจริงๆคงต้องหามังงะมาสัมผัสกันล่ะ อนิเมะนั้นทำออกมาแหวกชนิด คนที่อ่านมังงะมาแล้วสปอร์ยไม่ได้ ก็เป็นเสน่ห์ที่เพิ่มความหลากหลายล่ะ ดูอนิเมะได้ฟีลเบาๆ อ่านมังงะได้ฟีลหนักหน่วง ความดราม่าก็มีแบบเล็กๆน้อยๆ จนถึงขั้นบ่อน้ำตาปิ่ม จริงๆมันควรจะแตกแหล่ะ แต่ความรวบรัดทำให้เสียฟีลเล็กๆ ตอนจบอาจไม่จุใจคนที่หวังเรื่องการได้เห็นยุทธการเรือรบแบบหนักหน่วง แต่ก็ถือว่ากินใจนะ แหวกๆ รวมๆอาจจะดูรวบรัดไปหน่อยเพราะมีโควต้าเพียงแค่ 12 ตอนเท่านั้น จึงทำให้คาดเดาไม่ยากว่าน่าจะมี SS2 อิงจากเนื้อหาในมังงะที่ยังเหลืออีกบานตะไทและยอดขายของที่ค่อนข้างพุ่งถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆในพีเรียดเดียวกัน แพ็กเกตบลูเรย์แหวกแนว สวนกระแส รองรับจำนวนสินค้าที่ผลิตออกมา
รายละเอียดกองเรือนั้นทำออกมาได้ละเอียดยิบ คาแรคเตอร์เพราะเป็นโมเดลจึงมีสัดส่วนที่มั่นคง หัน 360 องศาก็ไม่ได้ทำให้ตัวเล็กลงหรือหน้าอกใหญ่ขึ้น(?)เลยสักนิด จึงมีข้อเสียตรงที่ความหลากหลายทางกายภาพอาจไม่ได้แสดงออกมา เช่น เสื้อผ้าน้อย ท่าทางน้อย ความพริ้วไหวไปเน้นตรงเส้นผมส่ะหมด โดยรวมถ้าไม่ไปซีเรียสกับความเป็นโมเดลมากๆก็ ความแอคชั่น การถ่ายทอดมุมกล้อง โอเค โอเคเกือบหมดเลยถ้าเทียบกับต้นทุน จนไม่รู้จะเจาะจงอะไรเป็นพิเศษ กระซิบหน่อยว่าโมเดลตัวประกอบแอบตลกมาก เหมือนไม่ตั้งใจปั้นไงไม่รู้ 555+
ปรัชญาแอบล้ำลึก แต่จำเป็นต้องตัดออกเยอะ คาแรคเตอร์แอบมีหลายมิติ กลไกลทุกอย่างทำงานแบบเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ได้โผล่มาแบบ "เฮ้ย ได้ไง" มันมีเหตุผลในตัวของมัน เพียงแต่เราอาจไม่ได้เห็นจริงจัง บอกตรงๆว่าเสียดายที่โควต้ามันน้อยจนบางทีต้องตัด Op ออกเพื่อทอนเวลา รวบเกินจริงๆ ไม่งั้นเรื่องนี้จะอีพิคกว่านี้มาก
แอบเสริมเรื่องนักพากย์และซาวด์หน่อย เรื่องนี้ผมทำการบ้านค่อนข้างหนัก เพราะถือว่าเป็นอนิเมะที่เชียร์มากที่สุดในปีนี้แล้ว เรื่องนี้เหมา FlyIng Dog มาทำซาวด์ให้ทุกอย่าง ในแทรคมีแค่ 15 กว่าเพลงโดยประมาณ (ตรงโปรโมทจากออฟฟิเชี่ยน) ถือว่าน้อยมาก แต่ก็สมต้นทุน เพราะ Flying Dog เป็นค่ายเพลงที่ไม่ใหญ่อะไรมาก (แค่นักร้อง นักพากย์ดังๆสังกัดค่ายนี้เยอะเหมือนกัน แต่อย่าไปหวังว่าจะใหญ่เท่าSony) แต่มีคุณภาพ และค่อนข้างทุ่มกับ OP พอสมควร เพราะคนรับงานเต็มๆคือ Nano ซัง (ฟีทฮิโระซัง) นักร้องดัง(และนำโด่ง)ของค่ายหมาบินเขาล่ะ เราจะได้ฟังนาโนะซังแบบจุใจเลยจริงๆ ซึ่งแอดมินอวยอยู่แล้ว 555+ นักพากย์เป็นนักพากย์ยูนิตใหม่เกือบหมดทั้งเรื่อง แม้จะสวนกับดราม่าซีดีที่เคยใช้นักพากย์ดังๆ แต่นี้คือการเดบิ้วและแหวกเส้นทางใหม่ๆให้พวกเธอและเขา ทุกคนหน้าใหม่ก็จริง แต่ความสามารถสูงมาก และการดันของเรื่องนี้มีมากพอที่จะทำให้คาแรคเตอร์ดังๆเกือบทุกคน แม้บทน้อยมาก ก็มีคาแรคเตอร์ซอง เช่น มายะ 555+ และก็ยังจัดไลฟ์เดบิ้วทั้งนาโนะซังกับทีมพากย์เรื่องนี้ในชื่อ Blue Field เมื่อวันที่ 1/12/13 ที่ผ่านมา ถูกใจแฟนๆเลย นับว่าเป็นก้าวแรกที่มั่นคงและมีแววดีๆของทั้งสตูดิโอและทีมงานเสียงจริงๆ สำหรับผมถือว่าอนาคตดีๆและแฟนคลับทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นงานดีๆแบบนี้ต่อไปนะครับ สู้ๆนะทีมงานทุกคน

M3: Sono Kuroki Hagane
CG animation : 7/10
Character Design: 8/10
Story: 8.5/10
Soundtrack/Voice Actor: 8/10
Emotion/Drama: 8.5/10
Philosophy/Truth: 8/10
Type: Series
Studio: Satelight
Thai LC: No (คงไม่มีใครอยาก LC ด้วยมั้ง)
ขอบอกไว้ก่อนว่า ดูถึงตอน 17 ที่เป็นซับไทย แล้วก็ไปนั่งดูรีแคปภาคอิ้งไปเลย ณ จุดๆนี้ไม่มีอะไรต้องลุ้นแล้วครับแหม ถ้าทนนั่งรอซับไทยเกรงว่าจะลืมจนหมดว่าจะเขียนไรบอกผู้อ่านส่ะก่อน
M3 สูตรสำเร็จของความเหงา หุ่นรบรูปร่างปีศาจปะทะยัยยันเดะเระ //พอ
ไซไฟหุ่นรบแนวแฟนตาซีๆที่ผมถือว่าผมชอบในระดับหนึ่งเลยล่ะ อาจเป็นเพราะซีซั่นที่แล้วไม่ค่อยมีไรให้ถูกใจด้วยล่ะนะ ถ้าเทียบกับเรื่องอื่น ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปอวยกับชาวบ้านเหมือนกัน ด้วยความที่ว่า เหมือนกับเอาเทคโนโลยีหุ่นไปสู้กับปีศาจ ทำให้แนวเรื่องดึงดูดพวกชอบลองของแปลกไม่น้อยเลยทีเดียว
อนิเมะเรื่องนี้ถือว่าไม่หักมุมอะไรนักหนา แต่แค่ผมคาดไม่ถึงเยอะเท่านั้นเอง ให้ตายเถอะ ! ถ้าดูแค่ตอนแรกๆ คงบอกได้คำเดียวว่า "มันเกิดอะไรขึ้นวะ" หรือบางที ดูจบก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่....หลายๆซีนหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่ามันเกิดไรขึ้นจริงๆ ถึงการดำเนินเรื่องเนิบๆค่อยๆเฉลยออกมาแบบอนิเมะปริศนาแฟนตาซีธรรมดาๆ แต่ก็ไม่ถือว่ายืดเยื้อนะ เพราะบางที บทจะมาก็มาไว ไปไวจนตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน ให้โควต้ามาตั้ง 24 (+1) ตอนแน่ะ โดยรวมแล้วบางทีก็ทำให้งุนงง หัวหมุน กดดันประสาทจนตับพังเลยทีเดียว
เหมือนเรื่องพยายามจะทำให้เรารู้สึกคล้ายคลึงหรืออินกับตัวเอก ความคิดความอ่านอะไรหลายๆอย่างเหมือนต้องการให้เราเอาไปเปรียบเทียบกับตัวเองตลอดเวลา หลายครั้งที่รู้สึกว่าเราเคยคิดแบบนี้และเคยทำแบบนี้อยู่เหมือนกัน หรืออาจเป็นการมโนของคนดูอย่างผมเองก็เป็นได้
แต่ล่ะคำพูดของตัวละครค่อนข้างละเอียดอ่อนและแฝงปรัชญาสั้นๆเป็นระยะๆ จนรู้สึกว่าหุ่นในเรื่องไม่ใช่เมนหลักของเรื่องเลย นี้มันอนิเมะดราม่าชัดๆ ใครหวังจะได้เห็นแอคชั่นหุ่นหรือวิทยาการล้ำๆนี้ต้องปลงนะครับ เรื่องนี้มันจิตวิทยาโคม่าต่างหาก
ด้วยฉากโทนสีหม่นๆ อดีตและอารมณ์ของคาแรคเตอร์กับหน้าตาคาแรคเตอร์ที่มาแนวอมทุกข์ ถ้าไม่นับความอยากรู้อยากเห็นที่อยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ก็ทำให้รู้สึกหดหู่จนไม่อยากจะดูต่อเลยทีเดียว
บางตอนดูจบ เหมือน 25 กว่านาทีนั้น ผมเข้าไปในโลกบางโลกเป็นชั่วโมงงั้นแหล่ะ
ขอชมการออกแบบหุ่นที่ออกแบบมาอย่างน่าสะอิดสะเอียนตามบทบาทของมัน ปกติแนวหุ่น มันต้องรู้สึกว่ามันเท่บ้าง แต่นี้ตอนแรกๆก็ไม่เชื่อคำพูดพระเอกมันหรอกนะ ว่าหุ่นมันดูสยอง ไปมา กลับรู้สึกแบบนั้นส่ะเอง เพราะบทบาทในเรื่องมันพาไปจริงๆ ผนวกกับความลับของวิทยาการที่ทำให้รู้สึกเหมือนไปก็อปแนวคิดเอวานเกเลี่ยนมา ยิ่งทำให้รู้สึกประสาทเสียไปใหญ่ แต่นั้นก็ช่วยอธิบายได้ว่าที่มาที่ไปของเรื่องมันเป็นยังไง ถือว่าเป็นการโยงเหตุผลในระดับแกทเชื่อมเต็ม 150 เลยทีเดียว
เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน คงอธิบายได้เท่านี้จริงๆ (ดูซับอิงนี้มึนเลยทีเดียว) แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไร มันก็ค่อนข้างน่าเบื่อเลยล่ะ จนกระทั้งไคลแมกซ์....
ผมเป็นคนนึงหรือเปล่านะที่ไม่ชอบนางเอกอ่ะ ดูน่าเบื่ออ่ะ ผมชอบตัวร้ายมากกว่า เพราะยอมรับว่าที่กดัฟันอยากรู้เรื่องต่อ เพราะตัวร้ายนั้นแหล่ะ ปริศนาทั้งหมดอยู่ที่ "เธอ"...เพราะตั้งแต่เปิดเรื่องมา "เธอ" คือคนที่ผมอยากรู้ว่าเป็นใครมากที่สุด เดาไปเรื่อย แต่ก็เดาไม่ตรง ทั้งๆที่พล็อตออกจะธรรมดา 555+
หลายๆคนดูเพราะเพลงนะ ซาวด์เรื่องนี้ได้ FlyIng Dog ช่วย ไม่ผิดหวังครับ
ยังไงสตูดิโอกำกับคือ Satelight ซึ่งเป็นทีมที่กำกับ Macross Frontier มาก่อน คุณอาจจะรู้ว่าคาแรคเตอร์กับลายเส้นคล้ายเรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไรหรอก ทีมนี้ทำแนวหุ่นดราม่าไม่ผิดหวัง แต่จะผิดหวังตรง เพราะมันเป็นดราม่าหนักไปหรือเปล่า การบรรยายหรือการสื่อออกมาบางทีบิดๆเบี้ยวๆอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ถือว่าโอเคนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น