วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Exclusive Interview with Music Artist Nano (Bull's eyes) แปลไทย


แปลบทสัมภาษณ์ ของนาโนะ
https://www.youtube.com/watch?v=uwSTvoXE4H8&feature=youtu.be

การทำเพลง Bull's eyes เป็นอย่างไรบ้าง แล้วอะไรที่คิดว่ายากที่สุด?

นาโนะ: "ตอนที่ได้รับงานนี้ รู้สึกเซอร์ไพรซ์มากเลย เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ซี่รี่ย์แบบนี้มาก่อน เป็นคอนเซ็ปใหม่ของฉันเลยล่ะ แล้วคาแรคเตอร์ก็ค่อนข้างใหม่ อันที่จริง... มันเป็น spin-off ของภาคก่อนหน้านี้ มันเลยค่อนข้างท้าทายสำหรับเพลงที่จะเป็น Opening theme และมีข้อแตกต่างจากภาคก่อน ซึ่งต้องไม่ทำลายภาพลักษณ์หรือแทรกแซงความเป็นภาคก่อนเช่นกัน มันท้าทายจริงๆนะ เพราะไดเรคเตอร์เข้ามาคุยกับฉันค่อนข้างละเอียดทีเดียว ทั้งภาพลักษณ์ คอนเซป เสียง และอีกหลายๆอย่าง เราอยากให้มันเป็นอะไรที่ใหม่จริงๆ อยากให้ผู้ชม ไม่ใช่รับรู้แค่ความแตกต่าง แต่รวมถึงความพิเศษใหม่ๆในตัวงานเองด้วย เราเจาะจงและใส่ใจถึงเรื่องนี้ สูงมาก เราเขียนแนวเพลงแยกไว้ 3 แบบ ทั้งการเรียงเดโม้ ทั้งจังหวะ ทั้งเนื้อเพลง แต่สุดท้าย Bull's eyes ก็คือที่สุดอยู่ดี สำหรับฉัน ส่วนตัวแล้วค่อนข้างมีแรงบัลดาลใจต่อเพลงนี้เองด้วย มันท้าทายมากจริงๆที่เพลงนี้จะถูกนำมาใช้เป็นธีมของ Hidan no aria AA"

ตอนแรกคิดยังไงกับได้รับงานเพลง ที่เป็นธีมของ Hidan no aria AA"

นาโนะ: "ถ้าพูดกันเกี่ยวกับซีรี่ย์ ฉันดีใจมากจริงๆ เพราะว่าฉันไม่เคยทำงานเพลงกับซีรี่ย์แนวนี้มาก่อน ทั้งคาแรคเตอร์ อะไรหลายๆอย่างนั้นช่างแตกต่าง ฉันไม่ได้อยากถ่ายทอดแค่ฉากต่อสู้ แต่ความมีมิติของคาแรคเตอร์ ความสัมพันธ์ของคาแรคเตอร์ อะไรพวกนี้... แฟนๆของฉันมักจะคุ้นเคยกับเพลงร็อค แต่ว่าครั้งนี้ฉันอยากให้สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในเนื้อเพลงของฉัน ซึ่งฉันอยากฟังเสียงของแฟนๆมาก ว่าคิดเห็นอย่างไรกัน"

อะไรคือแกนหลักของเพลงนี้?

นาโนะ: "แน่นอนว่าเพลงนี้เน้นเกี่ยวกับการต่อสู้ อา.. การต่อสู้ระหว่างบุคคล แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่ามันแฝงนัยยะด้านบวกบางอย่างในซีรี่ย์นี้เช่นกัน ซึ่งฉันอยากถ่ายทอดออกมาผ่านทางเนื้อเพลง ถ้าหากแบ่งเนื้อเพลงออกเป็นสองส่วน จะรู้ว่ามันมีความหมายในด้านดีมากๆ ฉันคิดว่าเบื้องหลังการต่อสู้ทุกๆรูปแบบ จะมีกำลังใจหรือข้อความต่างๆ ที่จะทำให้คุณสู้จนถึงที่สุด ฉันคิดว่ามันจะเป็นแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆในการกระตุ้นตัวเองและไม่ยอมแพ้ส่ะก่อนจนถึงที่สุดเช่นกัน"

"อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ ในการแต่งเพลงให้ Arpeggio of blue steel Ars Nova Cadenza?"

นาโนะ: "พูดถึงก่อนหน้านี้ก่อน ฉันอยู่กับซีรี่ย์นี้ตั้งแต่ต้นและรู้สึกเข้าถึงมันจริงๆไปแล้ว ฉันต้องทำเป็นโปรเจคและแน่นอนว่ามันต้องมีความหวัง ตอนแรกๆสต๊าฟไม่เคยคิดว่ามันจะออกมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ และฉันก็ดีใจกับมันมากๆ คุณก็รู้ว่าฉันอยู่กับซีรี่ย์นี้มานานมากแค่ไหน จนคิดว่ามันเป็นส่วนนึงของตัวฉันไปแล้ว เพลงต่างๆมีการผ่านอะไรมากเช่นกันจึงมีแนวที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เพลง OP ที่ตรึงจิตใจ แต่เพลง Insert นั้นแตกต่างออกไป เพราะมันจะถูกใช้ในฉากที่สำคัญมากๆ มันต้องไม่ใช่เพลงที่คนฟังยึดติดกับเพลง แต่ต้องลื่นไหลไปกับฉากนั้นให้ได้ ฉันจึงอยากจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคาแรคเตอร์นั้นให้ได้ มันจึงเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างมาก ทั้งต้องอัด ทั้งต้องก้าวออกไป ...เอ่อ ท้าทายตัวเองด้วย อะไรหลายๆอย่าง //หัวเราะ หวังว่าแฟนๆจะสนุกไปกับมันนะ (คือหลังๆพูดเบามาก........)

รู้สึกว่ามีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างเพลงกับอนิเมะไหม?

นาโนะ: "ทั้งเนื้อเพลง... ฉันชอบอนิเมะโดยส่วนตัวอยู่แล้ว ฉันดูซีรี่ย์มากมาย ฟังเพลงมากมาย แต่สรุปแล้ว ฉันไม่เคยแยกแยะเพลงเลย ว่าเพลงนี้เป็นแนวยังไง ว่านี้คือเจร็อค นี้ค่อเจป็อป หรือนี้คือเพลงอนิเมะ (อนิซอง) ฉันคิดว่าการแยกแยะแบบนี้สำคัญเลย ฉันชอบในสิ่งที่ฉันชอบ ฉันฟังในสิ่งที่ฉันชอบ และแน่นอนว่าฉันดีใจมากที่เพลงของฉันถูกนำไปเป็นสื่อต่างๆ โดยเฉพาะมันถูกยอมรับว่าเข้ากันได้กับซีรี่ย์ต่างๆ เวลาที่ได้เห็นเพลงของฉันเล่น มันทำให้รู้สึกดีใจจนตื่นตูมไปเลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน มันก็มีผลต่ออารมณ์ของฉันเสมอ"

อะไรที่ทำให้คุณมาเป็นศิลปิน?

นาโนะ: "ฉันมัก....ฉันคิดว่าถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่จำความได้ ฉันก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับดนตรีแล้ว ในบ้านของฉันมักจะเล่นดนตรี พ่อแม่ของฉันมักจะฟังเพลงบางประเภท และรู้สึกว่ามันคือธรรมชาติของตัวฉันที่จะเชื่อมโยงกับเพลงแบบนี้ ตั้งแต่แรกไม่ได้มีปณิธานในการเป็นนักร้องมากนัก แต่พอได้ดูอนิเมะเรื่องแรก ฉันก็รู้จักกับอาชีพนักทำเพลง และเป็นเพลงที่โดนใจฉันมาก แบบว่า 'เฮ้ นี้มันสุดยอดไปเลยนะ!' เป็นสิ่งที่ฉันสนกไปกับมันและชื่นชอบ ฉันจึงเริ่มที่จะร้องเพลง และนี้คือสิ่งที่ฉันอยากทำจริงๆ พอเริ่มเข้าใจเพลง พอเพลงมันเข้ามาในตัวฉัน ฉันก็ไม่มีความคิดว่าจะทำสิ่งอื่นใดอีกแล้ว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นอะไรที่ยาว มากๆและมากจริงๆ แต่ฉันไม่เคยลืมมันเลย ไม่รู้สิ ยังไงฉันก็คือส่วนนึงของเวลานั้น แต่อะไรที่ฉันชอบ ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดจนกว่าจะถึงที่สุดเช่นกัน"

คุณวางแรงบัลดาลใจไว้อย่างไรต่องานใหม่ของคุณ?

นาโนะ: "ถ้าพูดถึงเพลงนี้ ก็ ตรวจสอบสคริป เช็คเบื้องลึกของตัวงาน และพยายามเข้าใจซีรี่ย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากนั้นก็การเรียบเรียงเดโม้ และคุยกับทีมงานว่าเพลงแบบไหนถึงจะเข้ากับซีรี่ย์นี้ได้ดีที่สุด ตอนแรกฉันฟังเดโม้ครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนั้นก็เริ่มจับธีม คีย์เวิร์ด จับภาพ ความรู้สึกได้ ฉันเรื่มเชื่อมโยงมันเข้าด้วยกันแล้วเริ่มเขียนเนื้อเพลงตามความเข้าใจและอยากถ่ายทอด สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจว่าคอนเซ้ปคืออะไร ก่อนที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดและสีสันในรูปแบบเราเอง และนั้นแหล่ะคือสิ่งที่ฉันทำ"

คุณได้ประสบการณ์แบบไหนจาก AFA Indonesia 2015?

นาโนะ: "ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกของฉัน ฉันเลยไม่รู้จะคาดหวังอะไร เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีอินเตอร์ของฉันเลย ฉันไปทั้งไต้หวัน ทั้งเยอรมัน และก็อินโดนีเซีย แต่ที่รู้คือผู้ชมในแต่ล่ะที่นั้นแตกต่างกันออกไปในแบบของ ประเทศตนเอง ในการร่วมคอนเสิร์ต ร้องเพลงไปพร้อมๆกัน เชียร์ไปพร้อมๆกัน ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร แต่สิ่งที่มีผลกับฉัน คือแค่ทำให้ดีที่สุดเพื่อผู้ชมที่เสียตังค์มา ให้รู้สึกว่าเงินทุกเหรียญนั้นคุ้มค่ากับการใช้เวลาเข้ามาร่วมคอนเสิร์ตของฉัน ฉันต้องทำให้ดีที่สุด นั้นคือสิ่งเดียวที่ฉันคิด แต่พอคอนเสิร์ตจบลง มันทำให้ฉันอยากกลับมาที่นี้อีก เพราะผู้ชมทั้งตื่นเต้น อบอุ่น และให้การต้อนรับฉันอย่างดี ทุกคนพยายามร้องตาไม่ว่าภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ ทำให้รู้ว่าเพลงนี้คือปาฏิหาริย์แห่งความสุขจริงๆ"

คุณติดต่อกับแฟนๆทั่วโลกยังไง?

นาโนะ: "ฉันพยายามเคารพ ทุกๆประเทศเท่าที่ฉันทำได้ ฉันรู้ว่าประเพณีแต่ล่ะที่นั้นแตกต่างกัน ศาสนาต่าง การใช้คำต่าง ฉันก็ใช้อินเตอร์เน็ตหาข้อมูลแต่ล่ะที่ก่อนที่จะไป ศึกษามารยาทพื้นฐาน อะไรต่างๆ แต่สุดท้าย สิ่งที่เชื่อมพวกเราเข้าด้วยกันก็คือเพลง เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวว่าเตรียมพร้อมอย่างไร แต่เกี่ยวกับว่าเราพยายามเข้าถึงเขาอย่างไร ฉันคิดว่าการเชื่อมต่อกันเป็นอะไรที่สำคัญ ที่ฉันจะเจาะจงมากเวลาที่แสดงคอนเสิร์ต แต่ถึงตอนนี้ ไม่ว่าประเทศไหน ฉันก็ทำได้ แฟนๆให้การต้อนรับอย่างดี สิ่งต่างๆสะดวกลื่นไหลไปหมด ไม่มีสิ่งที่ทำให้ฉันกังวลเลย และสำหรับประเทศที่ยังไม่เคยไป ก็น่าสนใจมากเช่นกัน"

ประเทศอะไรที่อยากไปในครั้งต่อไป?

นาโนะ: "เป็นคำถามที่ดี ฉันก็อยากไปทุกประเทศ แต่ อืม...ฉันเล่นทั้งทวิตเตอร์ ทั้งเฟซบุ๊ค และได้รับข้อความจากแฟนๆทั่วโลก บางประเทศฉันจะได้รับการตอบรับดีมาก แต่บางประเทศในแถบตะวันตก พวกยุโรป อังกฤษ บราซิล ฉันได้รับข้อความมากมายจากอเมริกาใต้ ซึ่งฉันไม่เคยคิดว่าเพลงของฉันจะส่งไปถึง พอด้รับข้อความแล้วแปลกใจมากจริงๆ โดยเฉพาะอเมริกาที่เป็นบ้านเกิด ฉันจะไป หากแฟนๆอยากให้ฉันไป"

มีข้อความอะไรฝากถึงแฟนๆไหม?
นาโนะ: "ถ้ามีเวลาเป็นสิบชั่วโมงให้พูดทุกคำพูดที่อยากพูดนะ ฉันรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ให้พูดถึงงานที่ฉันชอบ และฉันเกลียดที่จะเรียกมันว่างาน ฉันควรจะเรียกมันว่างาน แต่มันคือสิ่งที่ฉันชอบทำ และการที่ทั่วโลกได้รับฟังมากพอกับที่ฉันเป็น มันเป็นเรื่องจริง แต่การทำคอนเสิร์ตนั้นทำให้มันเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่า มันทำให้ฉันมีเหตุผลและกำลังใจมากขึ้นที่จะเข้าถึงทั่วโลก ฉันอยากจะกล่าวว่า ขอบคุณอย่างมากกับการสนับสนุน ฉันอยากจะให้กำลังใจและการสนับสนุนของฉันผ่านทางบทเพลงเช่นกัน รอไม่ไหวที่จะได้พบกับทุกคน ที่จะเข้ามาร่วมคอนเสิร์ตจริงๆ"

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

Rock On (Nano) Thai translation and music with subtitle


Watching the full MV withThai sub (เพลงนี้พิเศษเลยทำแบบซับให้ค่ะ อย่าลืมกดดูแบบ 480 quality เน้อ) 

https://www.dailymotion.com/video/x2in6t6_rock-on-nano-thai-sub_music


*อันนี้สำหรับคนอยากอ่าน ไม่อยากดูพร้อมซับ แต่บอกไว้นิดนึงว่า เวอร์ชั่นแปลแรกเริ่ม พิมพ์ไม่ได้กรองภาษาแบบซับนะคะ เลยออกจะแปลไม่สวยบ้าง แต่จะค่อนข้างตรงกว่าพอสมควร 

Rock On

Artist: Nano 

TH Translator: Am: S
Album: Rock on (2015 album) track 12


ความทรงจำที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นี้ มีจังหวะชีพจรที่ไร้เสียงอยู่
รุ่งอรุณใหม่ได้มาถึง และเรื่องราวที่ไร้ตอนจบได้เริ่มขึ้น
ความทะเยอทะยานภายในตัวฉัน กำลังได้ตื่นขึ้น ไร้ซึ่งความลังเล
ความหวังนั้นหลั่งไหลและขับเคลื่อนโดยความสิ้นหวัง ตอนนี้ฉันเห็นทุกสิ่งชัดเจนแล้ว
ฉันต้องการ ฉันปรารถนา
 ฉันออกตามหาสัตยาของตนเองมาโดยตลอด

ตัวตนที่ไม่สามารถทำลายได้และไร้ซึ่งข้อตำหนิ ไม่ว่าใครก็ปรารถนา
พร้อมการตัดสินใจที่ข้ามผ่านมันไป
ฉันไม่สนใจมันแล้วล่ะ ละทิ้งให้หมดซึ่งความสูญเสียที่เคยมี
จะทำให้เธอเห็นว่าเธอนั้นล่ะที่ผิด จะไม่มีทางลืมแผลเป็นนี้แน่นอน
ฉันจะก้าวเดินต่อไป สาบานไว้แล้ว ว่าจะก้าวต่อไปเท่านั้น

จะทำให้เห็น ว่าชีวิตนี้ควรจะบ้าบิ่นอย่างไร
ช่องว่างต่างๆที่ไม่ควรจะมีอยู่เลยบนโลก ฉันทำลายมันไปหมดแล้ว
จะไม่มีใครตามทันและไม่มีทางติดกับอีกแล้ว
เพื่อให้ลืมเรื่องเลวร้าย เพื่อชนะตัวเอง
ฉันจะเป็นคนพิเศษ ( Note: จริงๆ prodigy นี้แปลว่าจะเป็นอัจฉริยะก็ได้)
แรงดึงดูดที่น่าเบื่อหน่าย ฉันจะพุ่งทะยานใส่และไปต่อ
Rock on!! (ไม่รู้จะแปลว่าไร คงเข้าใจนะ.......)

ส่วนลึกในใจได้กล่าวว่าเวลาได้ยินความไม่เห็นด้วย มันจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง
ทว่าความรักจะชนะทุกอย่าง
ฉันได้ยินความหวังจากในตัวฉัน ฉันหวังนะ
ฉันเห็นดวงไฟปะทุขึ้น มันลุกไหม้
ฉันรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ทุกสิ่งที่ฉันเชื่อจะชี้นำฉันเอง

แม้นี้จะเป็นชีวิตที่บางคนไม่สนใจเลยก็เถอะ
แต่ฉันจะทุ่มเทให้เธอตลอดไป
แค่ปล่อยมันไป ลืมความเจ็บปวดต่างๆไป
แค่เข้มแข็ง แล้วมองไปที่อนาคต
แค่ก้าวต่อไป ก้าวไปข้างหน้า
เธอเห็นแสงสว่างข้างหน้า ใช่ไหม?
ตัวโน๊ตถูกบรรเลงต่อ เช่นเดียวกับชีวิตที่ดำเนินต่อไปไงล่ะ

ไม่มีใครรู้ ว่าถนนที่เราเดินอยู่จะพาไปไหน
ไม่มีใครต้องเจ็บปวด ในโลกที่ยังมีความรักอยู่
ก้าวต่อไปสิ

จะทำให้เห็น ว่าชีวิตนี้ควรจะบ้าบิ่นอย่างไร
ช่องว่างต่างๆที่ไม่ควรจะมีอยู่เลยบนโลก ฉันทำลายมันไปหมดแล้ว
จะไม่มีใครตามทันและไม่มีทางติดกับอีกแล้ว
เพื่อให้ลืมเรื่องเลวร้าย เพื่อชนะตัวเอง
ฉันจะเป็นคนพิเศษ 
แรงดึงดูดที่น่าเบื่อหน่าย ฉันจะพุ่งทะยานใส่และไปต่อ

ก้าวต่อไปสิ!

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

Calc~Piano Live Version (Nano) Thai Translation


Calc Piano Live Version

Artist: Nano 
TH Translator: Am: S
Album: Nanoir

แปลไทย

เมื่อเราเติบโตขึ้นแล้วต้องแยกออกจากกัน มันคือโชคชะตา
และเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น
แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่แข็งแกร่งพอ ที่จะยอมรับเรื่องนั้นได้ง่ายๆ

ทุกถ้อยคำพูดที่ฉันได้เปล่งออกมา
มันมีค่ามากกว่าที่ฉันจะรับผิดชอบมันได้
มันแย่งความกล้าที่จะวางทุกอย่างลงและก้าวต่อไปไปจากฉัน

มีเพลงๆนึงที่ฉันร้องออกมาและเคยให้เธอ
ตอนนี้เป็นเพียงเพลงรักเศร้าๆ ที่เล่นวนไปมาครั้งสองครั้ง
ให้สายลมพัดผ่านและปัดเป่ามันไป
ย้อนกลับไป ในฤดูร้อนที่ฉันตกหลุมรักเธอ

เมื่อเราได้ใกล้ชิดกันและกัน มันก็คือโชคชะตา
ที่ควรจะผ่านเลยไปไกลๆ
ถ้าหากฉันบังคับใจให้ยอมรับได้
บางทีฉันอาจจะไม่เหงาขนาดนี้
ทุกถ้อยคำพูดที่ฉันได้เปล่งออกมา
มันสามารถโกหกได้ตั้งหลายแบบ
และมันได้ลบ หนทางที่ฉันต้องใช้เดินไปอีกฟากฝั่งเสียแล้ว

มีเพลงๆนึงที่ฉันร้องออกมาและเคยให้เธอ
ตอนนี้เป็นเพียงเพลงรักเศร้าๆ ที่เล่นวนไปมาครั้งสองครั้ง
ให้สายลมพัดผ่านและปัดเป่ามันไป
ย้อนกลับไป ในฤดูร้อนที่ฉันตกหลุมรักเธอ

ถ้าหากทั้งอดีตและอนาคต กำลังจะหายไปล่ะก็
เธอคิดว่าสุดท้ายแล้ว ฉันจะเป็นอิสระหรอกหรอ?
ถ้าหากฉันเลือกหนึ่งความคิดนั้นในท้ายที่สุด
ถ้าเป็นความรักให้เธอ แล้วฉันจะเดินกลับไปได้ไหม?

ถ้าหากในหนึ่งวัน ฉันได้ฟังทุกเพลงที่เธอฟัง
หายใจร่วมกันกับเธอ รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ
ถ้าฉันเป็นดวงตาของเธอได้ และมองเห็นโลกใบนี้ในแบบที่เธอเห็น
บางที ฉันอาจจะสามารถรักเธอได้ แบบที่ฉันต้องการ

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทความสัมภาษณ์พิเศษ Nano (ナノ) จากเว็บ Popinasia วันที่ 3/2/2015



Popinasia จะเป็นเว็บไซส์หน้าผ่านให้คุณผู้อ่านเข้าถึงบทสัมภาษณ์นาโนะซังได้อ่านอย่างสะดวกสบาย เพราะมีคำถามเข้ามาตลอดว่าจะมีบทสัมภาษณ์แปลภาษาอังกฤษให้ผู้อ่านอินเตอร์หรือไม่ เราจึงคัดสรรมา 15/22 คำถาม ซึ่งได้ทำการสัมภาษณ์ผ่านทางโปรแกรมสไกป์ ไม่ต้องรีรอไรแล้ว มาเริ่มกันเลย!

คุณเริ่มจากการเป็นอุไตเตะ และในที่สุดก็ได้มาถึงจุดนี้ และในตอนนี้ ช่วยบอกความแตกต่างระหว่างการเป็นอุไตเตะกับสถานภาพของคุณตอนนี้หน่อยได้ไหม?
นาโนะ:  ฉันทำอะไรต่างๆนานามาเยอะเลยล่ะ และตอนนี้เพลงของฉันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากนะ ฉันรักในดนตรี การร้องเพลง และฉันก็มีเป้าหมาย ที่จะเข้าถึงใครๆผ่านทางเสียงบทเพลง บางที ข้อแตกต่างคงเป็น อะไรสักอย่างที่ฉันทำได้ในตอนนี้นั้นแหล่ะ

บอกอะไรพวกเราหน่อยสิ เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ Rock on ของคุณน่ะ
นาโนะ:  อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ 3 ของฉัน และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ทำมันสำเร็จ Rock on จะบอกเล่าเรื่องราวของความคิดสร้างสรรค์และการลองแนวเพลงใหม่ๆของฉันน่ะ

Rock on เนี่ย แตกต่างจาก N มากเลยนะ ทั้งการประพันธ์และเรียบเรียงทำนอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีแต่นักประพันธ์เพลงโวคาลอยด์ที่ทำเพลงให้คุณส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็น West Ground แทน ทำไมหรือ?
 นาโนะ:  มันก็เป็นการร่วมงานกันธรรมดาๆสำหรับฉันนะ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอก

Na กับ No เวอร์ชั่น จะผลิตออกมาแค่ 10000 แผ่น บอกเราหน่อยสิ ว่ามันเป็นแผนการทางการตลาดหรือเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ทุ่มเทให้แฟนๆโดยเฉพาะ
นาโนะ: ความเห็นส่วนตัวเลยนะ อัลบั้มรุ่นลิมิเต็ดเนี่ยแหล่ะ ที่ทำให้แฟนๆใกล้ชิดกับฉันมากขึ้น แล้วมันก็เชื่อมโยงฉันกับแฟนๆด้วย

มี 8 เพลงใหม่ในอัลบั้มเพิ่มขึ้นมา บอกเราหน่อยได้ไหม ถึงวิธีการทำหรือเรื่องราวๆต่างๆกว่าจะได้เพลงเหล่านี้มา เพราะ 8 เพลงนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ
นาโนะ: ทั้งหมดมี 12 เพลง และใช่ 8 เพลงเป็นเพลงใหม่ นี้เป็นโปรเจคใหญ่และทำมาตั้งนานแล้ว การต้องรวมทุกอย่างไว้เป็นหนึ่ง วิธีการทำต้องยากอยู่แล้วล่ะ แต่สนุกนะ

ใน 8 เพลง เพลงไหนเป็นเพลงโปรดของคุณ? และเพราะอะไรหรือ?
นาโนะ: มีบางเพลงที่ทำให้แฟนๆช็อคเลยล่ะ ทั้งรูปแบบการประพันธ์ที่ต่างไปจากเดิม แต่มีเพลงนึงที่ฉันทุ่มเมให้แฟนๆมาก คือเพลง One life ซึ่งเป็นเพลงที่ส่งผ่านถ้อยคำดีๆจากฉัน หวังว่าทุกคนที่ฟังเพลงนี้จะคิดบวกขึ้นและยิ้มได้นะ เพลงนี้เป็นเพลงเบาๆฟังง่าย และก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะ

บอกหน่อยสิ ว่าทำไมถึงต้องซื้ออัลบั้มของคุณกันนะ?
นาโนะ: ถ้าพวกคุณฟังเพลงเก่าๆก่อนหน้านี้ของฉันแล้วรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกันล่ะก็ หาซื้ออัลบั้มนี้มานะ เราจะได้เชื่อมโยงกันมากขึ้น (แอดมิน: แหว่....ปากหวาน.......)

อัลบั้มนี้ใช้ชื่อตามเพลงที่เป็นธีมของ Arpeggio’s movie ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ล่ะ?
นาโนะ: เพลงนี้เป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของการเป็นตัวของตัวเองอย่างเท่และฉลาด ฉันแค่คิดว่าอยากให้อัลบั้มนี้เป็นแบบนั้นเท่านั้นเอง

คุณแต่งเนื้อเพลงเองสินะ มันยากมากไหมที่จะได้ไอเดียใหม่ๆในแต่ล่ะเพลง
นาโนะ: ฉันแต่งเพลงเองประจำอยู่แล้ว หลายๆคนคิดว่ามันยาก แต่สำหรับฉันมันสนุกมากเลยทีเดียว

ตั้งแต่เพลงของคุณมักถูกใช้เป็นธีมของ Arpeggio ภาคซีรี่ย์ คุณพอบอกได้ไหมว่ามูฟวี่ภาค 2 คุณจะทำเพลงให้อีกไหม
นาโนะ: ตอนนี้ รู้แค่ว่า อนิเมะเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและให้โอกาสต่างๆกับผลงานของฉัน ไม่ว่ายังไงก็อยากทำเพลงให้เรื่องนี้อยู่ดี ตอนนี้สัญญาอะไรไม่ได้ แต่ก็หวังว่าจะได้ทำให้เหมือนกัน

ค่านิยมของคุณส่วนใหญ่มาจากเพลงอนิเมะ แล้วอนิเมะแนวไหนล่ะ ที่คุณชอบดู?
นาโนะ: ฉันชอบอนิเมะแนวดราม่าและผจญภัยน่ะ อนิเมะที่คาแรคเตอร์มีจุดเชื่อมโยงกัน ผูกพันกัน และสู้เพื่อสิ่งสำคัญของตัวเอง

มีแฟนๆหลายคนนะ ที่ได้แรงบัลดาลใจอยากเป็นนักร้องแบบคุณ คุณมีอะไรจะบอกเขาไหม?
นาโนะ: ฉันเซอร์ไพรซ์มากเลย ที่มีแฟนๆหลายคนได้แรงบัลดาลใจจากฉัน มีความสุขมากจริงๆ คำแนะนำจากฉันก็คงเป็น “อย่าหมดวัง ไม่ว่าจะด้านการงานหรือความฝันต่างๆที่คุณกำลังไขว่คว้า มันมักจะมีสิ่งกีดขวางรออยู่ และพวกคุณต้องเผชิญกับมันให้ได้นะ"

คุณมีช่องทางไหนที่จะติดต่อกับแฟนๆอีกบ้าง?
นาโนะ: การได้เชื่อมโยงกับแฟนๆผ่านทางการขายซีดีมันก็ดีนะ แต่ที่ดีที่สุดคงเป็น ไปเจอกันที่คอนเสิร์ตดีกว่านะ

เป้าหมายของปีนี้ล่ะ?

นาโนะ: อยากจะเชื่อมโยงกับแฟนๆให้ได้มากกว่านี้ มากเท่าที่จะทำได้ และอยากจะทำงานคอนเสิร์ตมากขึ้นจริงๆ  

Admin zone: อุดหนุนล่ะนะคุณพี่ คนแปลกับนักร้องดูจะบ้าพลังพอๆกัน มีคำถามอะไรก็ ฝากทิ้งไว้ได้นะจ่ะ..........


source: http://popinasia.com/2015/02/03/exclusive-interview-nano-album-rock-till-special-song-fans/

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

Small & Significant (Nano) Thai translation


Small & Significant
Artist: Nano 
TH Translator: Am: S
Album: Rock on (2015 album) track 11

แปลไทย

แสงยามเช้า ซึ่งรุ่งอรุณมาเยือนอีกครั้ง ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว สัมผัสได้ถึงความหนาว ณ ที่แห่งนี้ ท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมา สิ่งสำคัญที่เดียวดายและเคยหายไปได้ตื่นขึ้นอีกครา โทนสีเทาที่ไร้อารมณ์ ไร้ซึ่งการนำทาง ย่างก้าวที่แสนอ่อนล้า ได้หยุดยืน และจางหายไป ทั่วทั้งค่ำคืน ที่หนึ่งคำสัญญาแห่งความไร้เดียงสา ได่หลับไหลลงอีกครา ดั่งดวงไฟที่อยู่ไกลห่าง และโลกใบนี้ก็ยังคงหมุนต่อไป ฤดูการเปลี่ยนไป ครั้งแล้วครั้งเล่า และใจดวงนี้ ยังคงก้าวต่อไป จังหวะหัวใจที่ไร้เสียง ในแต่ละ่ครั้ง ยิ่งทวีความรู้สึกให้ฝังลึกลง ลมหายใจที่ไร้เสียง จะจุดแสงสว่างในความมืดให้เอง ไม่มีใครรู้หรอก ว่าถนนสายนี้จะคดเคี้ยวขนาดไหนจนกว่าจะถึงจุดจบ แต่ถ้าเรารู้ว่าลางเหล่านั้นจะนำทางเรา สู่จุดหมาย ที่เราจะค้นพบความหมาย หากยืนอยู่เฉยๆ ขณะที่เวลาหมุนต่อไปเรื่อยๆ ในตอนที่เราคอยตามหาว่าเราจะไปที่ใด นี้ล่ะคือเหตุผล ที่เราสามารถเริ่มต้นอะไรๆได้เอง ไม่มีใครรู้หรอก ว่าทำไมหยาดน้ำตาถึงไหลลงเพื่อปลอบประโลมความกลัว แต่ถ้าเราลองหลับตาลงและฟังเสียงล่ะก็ เสียงที่บอกเราว่า หัวใจของเรากำลังถูกเยียวยา ในทุกๆช่วงเวลาแสนละเอียดอ่อน ในทุกๆวินาทีที่แสนมีค่า จะเป็นที่ให้พวกเราทุกคนอยู่เสมอ บนโลกใบนี้ เงามืดได้ผ่านพ้นไป ภายใต้นภาที่ไร้ดวงจันทร์ เสียงสะท้อนได้สะท้อนกลับมา ผ่านห้วงอากาศราวกับสัญญาณที่ไร้ความหมาย ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นนั้น จะมีโอกาส ได้ฝันถึงความสุขที่ได้แบ่งปันอีกครั้ง เฉกเช่นในอดีต ที่จิตใจได้เหนี่ยวรั้ง ความทรงจำที่ถูกลืมได้กลับมา เรื่องราวได้ถูกเล่าขาน ต่อๆกันไป และใจดวงนี้ ยังคงก้าวต่อไปเช่นเดิม ดั่งเด็กน้อยที่ปรารถนาอย่างสิ้นหวัง ซึ่งมือที่จะพาจูงและเติบโตต่อไป โชคชะตาจะนำทางเราเอง สู่อนาคตที่รุ่งโรจน์ ไม่มีใครรู้หรอก ว่าถนนสายนี้จะคดเคี้ยวขนาดไหนจนกว่าจะถึงจุดจบ แต่ถ้าเรารู้ว่าลางเหล่านั้นจะนำทางเรา สู่จุดหมาย ที่เราจะค้นพบความหมาย หากยืนอยู่เฉยๆ ขณะที่เวลาหมุนต่อไปเรื่อยๆ ในตอนที่เราคอยตามหาว่าเราจะไปที่ใด นี้ล่ะคือเหตุผล ที่เราสามารถเริ่มต้นอะไรๆได้เอง ไม่มีใครรู้หรอก ว่าทำไมหยาดน้ำตาถึงไหลลงเพื่อปลอบประโลมความกลัว แต่ถ้าเราลองหลับตาลงและฟังเสียงล่ะก็ เสียงที่บอกเราว่า หัวใจของเรากำลังฟื้นฟู ในทุกๆช่วงเวลาแสนละเอียดอ่อน ในทุกๆวินาทีที่แสนมีค่า จะเป็นที่ให้พวกเราทุกคนอยู่เสมอ บนโลกใบนี้ ความไร้เดียงสาแสนงดงาม แสนเล็กและสำคัญ ดั่งดวงไฟที่อยู่ไกลห่าง และโลกใบนี้ก็ยังคงหมุนต่อไป ฤดูการเปลี่ยนไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดวันใหม่ก็ได้เริ่มต้นแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

Be the one (Nano) Thai Translation



Be the one
Artist: Nano 
TH Translator: Am: S
Album: Rock on (2015 album)
(original first come version name "your light", around 2006 as xoxonano)

**เพลงนี้ต้นฉบับเป็นภาษาญี่ปุ่นชื่อ Your light แต่ท่อนฮุคเป็นภาษาอังกฤษนะคะ แต่พอมาเวอร์ชั่นนี้เป็นอังกฤษล้วนเลยง่ายสำหรับแอดมินมากๆ ถ้าคิดว่าภาษาตรงไหนแปลกๆก็บอกด้วยนะคะ พอดีหัวไม่แล่น เรียงคำลำบาก มีการดัดแปลงประโยคเยอะเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นค่ะ.... อย่าง The voice in you will pull you trough ควรจะแปลว่า เสียงจากในใจเธอจะฉุดดึงเธอขึ้นมาเอง ซึ่งแอดว่ามันไม่เข้าท่าเท่าไหร่...........เข้าใจกันเนอะ

แปลไทย
ในยามที่วันๆนึงดูสั้นลง
แต่โลกใบนี้กลับรู้สึกว่าหมุนเร็วขึ้น
บางที ในใจของเธอ อาจรู้สึกว่าตัวเองกำลังล้มเหลว
ฉันเฝ้าดูเธอที่สั่นเทา
ดั่งที่เธอเฝ้าตามหาโอกาสที่จะลบล้างความหวาดกลัว

โลกใบนี้ก็แค่ฉุดให้เธอล้มเท่านั้น
ถ้าหากเธอไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป
และเริ่มที่จะภาวนาก่อนจะล้มลง
เธอแค่ต้องเลือกเท่านั้น
ไม่มีอะไรให้ต้องสูญเสียเลย

ฉันจะเป็นคนเดียว
เพียงคนเดียวที่จะจับเธอไว้ให้แน่น
จะเป็นแสงนำทางให้
เพราะเธอเป็นคนเดียว
เป็นเพียงคนเดียวในใจฉัน
ฉันจะวางทุกอย่างลง
และจะอยู่ตรงนั้น เพื่อเธอเสมอ

เวลาที่เธอค้นหาคำตอบ
แล้วไม่รู้ว่า มันอยู่ที่ไหน
เธอหวังว่าจะมีสิ่งชี้นำทางให้เธอ
ไร้ซึ่งความกล้าอยูใช่ไหม
เธอจะมีพลังที่สามารถฝ่าฟันวันคืนที่แสนเลวร้ายได้ใช่ไหม?

เวลาจะช่วยซับน้ำตาให้เอง
อะไรหลายๆอย่างจะกลับมาเอง
ยามที่เธอพยายามมองไปที่สิ่งที่เธอค้นพบ
เสียงจากในใจเธอ
จะผลักดันเธอเอง

ฉันจะเป็นคนเดียว
เพียงคนเดียวที่จะจับเธอไว้ให้แน่น
จะเป็นแสงนำทางให้
เพราะเธอเป็นคนเดียว
เป็นเพียงคนเดียวในใจฉัน
ฉันจะวางทุกอย่างลง
และจะอยู่ตรงนั้น เพื่อเธอเสมอ

ในยามที่เธอคิดจะวิ่งหนี
ในยามที่เธออยากจะหลบหนี
ในตอนที่อะไรหลายๆอย่างดูผิดไปหมด
ถ้าหากเธอเลือกที่จะเดินต่อ
แล้วทุกสิ่งจะต้องดีเอง

ฉันจะเป็นคนเดียว
เพียงคนเดียวที่จะโอบกอดเธอไว้ให้แน่น ในคืนนี้
เธอเป็นคนเดียว
เป็นเพียงคนเดียวในใจฉัน
จะอยู่ตรงนั้น เพื่อเธอเสมอ

ฉันจะเป็นคนเดียว
เพียงคนเดียวที่จะจับเธอไว้ให้แน่น
จะเป็นแสงนำทางให้
เพราะเธอเป็นคนเดียว
เป็นเพียงคนเดียวในใจฉัน
ฉันจะวางทุกอย่างลง
และจะอยู่ตรงนั้น เพื่อเธอเสมอ



วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

รีวิว: Wolf Children



Ookami kodomo no ame to yuki
CG animation : 8/10
Character Design: 8/10
Story: 8.5/10
Soundtrack/Voice Actor: 7/10
Impression: 8.8/10
Emotion/Drama: 8.8/10

Type: Movie
Studio: MadHouse
Thai LC: Yes


แอดมินไปอยู่ส่วนไหนของโลกมาวะ พึ่งมาเขียน ถึงแม้คนอื่นจะเขียนไว้เยอะมากๆแล้ว แต่แอดมินก็จะเขียน (ไหนๆก็ดูแล้ว ขอสักตั้งดิวะ) นี้คืออนิเมะยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 ซึ่งทุกคนรู้กิติมศักด์ มาโมรุ โฮโซดะ ซัง ผู้มีบทบาทกับอนิเมะยอดเยี่ยมอีกเรื่อง ที่เข้าชิงออสก้าแต่ก็ชวดอย่าง Summer wars มาแล้ว 
ถ้าคุณไปอ่านรีวิวของเจ้าอื่น เขาก็จะเขียนทำนองผมนี้แหล่ะ เพราะไปคาดหวังสูงกับ Summer wars เกินไป ทำให้เรื่องนี้ที่สกิลไม่ถึงดับส่ะงั้น คำตอบก็ออกแนว... "ผิดหวังหน่อยๆ" อ่ะนะ ถ้าให้ดูอีกรอบ ก็คงไม่ดูครับ บอกเลย.... แต่ผมจะไม่เขียนอะไรตามเขาหรอกครับ 

เนื้อเรื่องไม่มีไรเลย มันมาจุกอยู่คำๆเดียว "แม่อยากให้ลูกเลือก" (ผมไม่ได้สปอร์ยครับ ทีเซอร์ก็มาแบบนี้)  แต่ที่เด็ดคือการกำกับ ที่ทำให้ประโยคๆเดียวเป็นเรื่องราวได้ ตลอดเวลาการดู ผมไม่รู้สึกเบื่อนะ ทั้งๆที่พล็อตซิมเปิ้ลเบย์ๆครับ "มุ่งเน้นดราม่าและการเลี้ยงลูกส่ะส่วนใหญ่" แต่เพราะเราไม่ค่อยเห็นอนิเมะที่ทำแนวนี้เท่าไร มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่คนดูคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเช่นกัน  ทั้งการเล่นมุมกล้อง การดึงจุดพีค พูดจากใจ ผมไม่เคยคิดว่า "ไอ้ฉากแค่นี้จะเป็นจุดพีคเลย" แอบทึ้งหน่อยๆนะหนิ และก็ต้องขอชมที่นอกจากจะทำอะไรซิมเปิ้ลๆให้น่าสนใจไม่น่าเบื่อแล้ว ยังทำให้ไม่รู้สึกเครียดกับมัน ทั้งๆที่เน้นดราม่า มันน่าจะนิดนึงสิ.........ว่าไปนั้น ถึงจะบอกว่ามันไม่น่าเบื่อ แต่ผมก็ไม่พีค ไม่บ่อน้ำตาซึมแบบ Summer wars ไม่ลุ้นตัวโก่ง ทั้งๆที่มันดราม่ากว่า Summer wars ที่เน้นแฟยตาซีกว่าเยอะ แต่ก็มีฟีลลุ้นอ่อนๆให้พวกคุณอยู่นะ ความรู้สึกที่ดูเรื่องนี้จึงรู้สึกเบาสบาย และพร้อมอมยิ้มไปกับมันตลอดทั้งเรื่อง คงเพราะฉากกับลายเส้นสบายตามากๆด้วยมั้ง
ไม่มีไรหักมุมในสายตาผม แต่ในสายตาเด็ก หรือคนไม่ถนัดแนวดราม่า มันคงหักมุมอ่อนๆล่ะครับ...... แต่ลองมองว่ามันเป็นสัจธรรมสิครับ ฮา แม่ผมเดินเข้ามา แล้วแอบแซวเด็กๆในเรื่องว่า "เหมือนลูกเลย" แหะๆ //ลูบหัวป้อยๆ ให้ตีความ ผมก็ไม่รู้จะตีอะไร มันจะสปอร์ยเปล่าๆ เรื่องนี้ไม่ได้แฝงไรไว้เยอะแยะ คุณสามารถรับรู้มันได้อย่างง่ายๆและเถรตรงมาก (กรั๊กๆ) ดูด้วยตนเองดีกว่าครับ....

จากที่ว่ามาทั้งหมด เรื่องนี้เจาะกลุ่มผู้ใหญ่ล้วนๆเลยครับ คนที่จะอินไปกับเรื่องนี้ อย่างน้อยก็น่าจะ 15+ ขึ้นล่ะ  เรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กจริงๆ อะ ไม่ใช่ว่า เนื้อหารุนแรงหรือไร ผมกลัวเด็กเบื่อว่ะ ถ้าคุณจะหาไรให้เด็กชมวาสนุก มองข้ามเรื่องนี้ไปก่อนนะ ด้วยความเป็นอนิเมะแนวดราม่า แล้วคุณอาจจะต้องตอบคำถามเด็กๆตลอดทั้งเรื่องก็เป็นได้ (ผมเตือนล่ะนะ).... แต่ถ้าเด็กที่ชอบหมานี้ก็ไม่แน่ กรั๊กๆ

CG นี้ จะบอกว่าไม่สวยก็กระไรอยู่ มันออกเรียลๆเข้ากับเรื่องเนอะ มันไม่ให้ความรู้สึกฟุ่งซ่าน แฟนตาซีทำให้อวยเวอร์แบบอนิเมะเซอร์วิส ไม่ใช่ว่ามันไม่สวยหรือเผานะครับ = = แต่งานเฮียแกก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 
เรื่องซาวด์ ผมดูพากย์ไทย แล้วสลับไปดูอังกฤษ (บ้าเหรอแอด) เสียงพากย์ขอข้าม เพราะไม่ได้ดูพากย์ญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยไม่รู้สึกพีคกับฉากพีค
เพลงเพราะดี แต่ไม่ได้อยากเก็บอะไร ผมชอบ Summer wars มากกว่า

มันอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบงานครับ ก็ของเก่าทำไว้ดีขนาดนั้น อันนี้ผมให้ 5/10 ถ้าเทียบกับของเก่า แต่ถ้าดราม่ามาประชันกัน ผมให้เรื่องนี้มากกว่า Summer wars ครึ่งนึงเลยอ่ะ

ว่าไปแล้ว Summer wars แอดว่าจะรื้อมาเขียนใหม่ เพราะอันเก่า คนที่เขียน ไม่ใช่แอด ให้คนอื่นลองงานก็งี้แหล่ะ แว้......